4/4/2025

สรุปผลกระทบตลาดการเงินทั่วโลก จากนโยบายภาษี Reciprocal Tariffs​

สรุปผลกระทบต่อตลาดการเงินทั่วโลก 
หลังจากที่ ปธน. ทรัมป์ ประกาศภาษี Reciprocal Tariff เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2025 
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

• Dow Jones -4.0% เป็นการปรับตัวลงมากที่สุดตั้งแต่ปี 2020
• S&P 500 -4.84%
• Nasdaq ปรับตัวลงแรงที่สุด เกือบ -6% ภายในวันเดียว

หุ้นที่ปรับตัวลดลงหนัก ส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่พึ่งพาห่วงโซ่อุปทานจากจีนและเวียดนาม เช่น
▪️ Apple (AAPL) -9%
▪️ Nike (NKE) -14%
▪️ Lululemon Athletics -9.5%
โดยทั้ง Apple และ Nike มีฐานการผลิตหลักในจีน และถูกคาดว่าจะโดนต้นทุนภาษีใหม่มากขึ้น

สำหรับกลุ่มธนาคาร นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยจากการค้าชะลอตัว และส่งผลต่อความสามารถในการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร ทำให้ ดัชนี KBW Bank Index ร่วงแรง -9.9% และ หุ้นของธนาคารรายใหญ่ อย่างเช่น
▪️ JPMorgan (JPM) -8%
▪️ Bank of America (BAC) และ Wells Fargo (WFC) ก็ปรับตัวลงในระดับใกล้เคียง

พันธบัตรรัฐบาล 10 ปีของสหรัฐฯ ปรับตัวลงอยู่ที่ 4% จากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย และมุมมองว่า Fed จะสามารถลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้งในปีนี้

ตลาดหุ้นเอเชีย เช้าวันนี้ (4 เม.ย.) ปรับตัวลงต่อ เช่น 
▪️ ตลาดหุ้น Nikkei (ญี่ปุ่น) ยังคงปรับตัวลงต่อจากเมื่อวาน -2.3%  
▪️ ตลาดจีนฮ่องกงปิดทำการ
▪️ ตลาดหุ้นเวียดนาม ปรับตัวลงกว่า 6% ในวันที่ 3 เม.ย. และวันที่ 4 เม.ย. ยังคงลงต่ออีก 5.7% จากความกังวลเรื่องภาษีนำเข้า ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่สูงกว่าที่ตลาดคาดที่ระดับ 10-20% เป็นรองแค่เพียงประเทศจีนที่ 54% และสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทยที่ 36% และมาเลเซียที่ 24%

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับเยนและฟรังก์สวิส เนื่องจากนักลงทุนหันไปถือสินทรัพย์ปลอดภัย โดย DXY ปรับตัวลงถึง 101 ส่วนค่าเงินบาทอ่อนลงในวันที่ประกาศภาษีนำเข้า ถึงแม้ว่าวันนี้  (4 เม.ย.) จะปรับตัวแข็งขึ้นเล็กน้อย

Reaction ของตลาดต่อเรื่องภาษีนำเข้า มาจากมุมมองที่ว่า
▪️ มาตรการภาษีเหล่านี้อาจนำไปสู่ “Stagflation” – คือเงินเฟ้อสูง และเศรษฐกิจชะลอ
▪️ ความเสี่ยงต่อการเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) สูงขึ้น

"นักลงทุนควรจับตานโยบายโต้ตอบจากจีนหรือประเทศคู่ค้าอื่นๆ ที่อาจจะตอบโต้ด้วยภาษีของตัวเอง หรือมาตรการทางการค้าอื่นๆ"

คำแนะนำการลงทุนในช่วงนี้
ในช่วง 1-3 เดือนต่อจากนี้ ความผันผวนจะยังอยู่ในระดับที่สูง ควรเน้นถือสินทรัพย์ปลอดภัย เช่นกองทุนตราสารหนี้ หรือกองทุนตลาดเงินระยะสั้นๆ
▪️ K-SFPLUS สำหรับพักเงินระยะสั้น 3-6 เดือน
▪️ K-FIXEDPLUS สำหรับลงทุน 1-1.5 ปี ขึ้นไป

สำหรับเป็น Core Portfolio 
แนะนำกองทุนผสม หรือ Multi-Asset เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาว
▪️ K-WPBALANCED K-WPSPEEDUP และ K-WPULTIMATE ที่มีการกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก

"สำหรับ Satellite แนะนำลดน้ำหนักกองทุนในส่วนที่เป็นหุ้นในส่วนของ Satellite ที่ลงทุนในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าตรงๆ เช่น เวียดนาม และ จีน"

ที่มา: KAsset Investment Strategy บลจ.กสิกรไทย 

ข้อมูล ณ วันที่ 4 เมษายน 2025​

คำเตือน ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ทั่วไป ผู้ใช้จึงต้องระมัดระวังด้วยวิจารณญาณและรับผิดชอบในความเสี่ยงด้วยตนเอง / ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน​


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
นโยบายภาษีทรัมป์ ส่งผลตลาดหุ้นผันผวนทั่วโลก​​ >>Click
วิเคราะห์ตลาดหุ้นไทย หลังแผ่นดินไหว >>Click
จุดเปลี่ยนตลาดหุ้นโลก ลงทุนอย่างไร? >>Click
หุ้นสหรัฐฯร่วงยกแผง เกิดอะไรขึ้น? >>Click

Yes
4/4/2025
0
situation